“การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชนานทำให้ดินหมดความสามารถในการดูดซับและในที่สุดก็ต้องปล่อยให้สารเคมีละลายในน้ำ เข้าไปในพืชล้างไม่ออกและยังเข้าไปในอาหารเมื่อคนกินไปนานก็เกิดโรคต่างๆ เช่นโรคมะเร็ง และบริษัทที่ขายสารเคมีก็ยังผลิตยาฆ่ามะเร็ง ได้กำไรครบวงจร” ศ.นพ.ธีระวัฒน์กล่าว.
วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2561
ห่วง บ.ยักษ์ใหญ่ค้านโละ "พาราควอต"
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเกิดปัญหาการกำหนดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและแมลงพาราควอต ครอไพรีฟอส และไกลโฟเสท เพราะยังไม่สามารถห้ามการใช้และห้ามการนำเข้าได้และจากข้อมูลของเครือข่ายต้านสารพิษ และ biothai พบว่าขณะนี้มีการกระทำบางอย่างของทางกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่รวมตัวทำหนังสือส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คัดค้านร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรยั่งยืน ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่มีจุดมุ่งหมายในการเพิ่มพื้นที่เกษตรกรรมยั่งยืนรูปแบบต่างๆ โดยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายต่างๆ เช่น เกษตรผสมผสาน เกษตรอินทรีย์ เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรธรรมชาติ เป็นต้นให้ได้ 5 ล้านไร่ ภายในปี 2564 ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 และเพื่อให้สอดคล้องกันเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ขององค์การสหประชาชาติที่ประเทศไทยประกาศว่าจะเข้าร่วมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวแน่นอนว่า ซึ่งการคัดค้านดังกล่าว จะรวมไปถึงการไม่เห็นด้วยที่จะแบนการนำเข้าสารเคมีพาราควอตเช่นกัน
“การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชนานทำให้ดินหมดความสามารถในการดูดซับและในที่สุดก็ต้องปล่อยให้สารเคมีละลายในน้ำ เข้าไปในพืชล้างไม่ออกและยังเข้าไปในอาหารเมื่อคนกินไปนานก็เกิดโรคต่างๆ เช่นโรคมะเร็ง และบริษัทที่ขายสารเคมีก็ยังผลิตยาฆ่ามะเร็ง ได้กำไรครบวงจร” ศ.นพ.ธีระวัฒน์กล่าว.
“การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชนานทำให้ดินหมดความสามารถในการดูดซับและในที่สุดก็ต้องปล่อยให้สารเคมีละลายในน้ำ เข้าไปในพืชล้างไม่ออกและยังเข้าไปในอาหารเมื่อคนกินไปนานก็เกิดโรคต่างๆ เช่นโรคมะเร็ง และบริษัทที่ขายสารเคมีก็ยังผลิตยาฆ่ามะเร็ง ได้กำไรครบวงจร” ศ.นพ.ธีระวัฒน์กล่าว.
กฟผ.แม่เมาะ แจง ไม่ใช่ 'ไซยาไนด์' ยันสารเคมีรั่วไหล ปลอดภัยแล้ว
กฟผ.แม่เมาะ แจง เหตุสารเคมีรั่วไหล จนต้องอพยพพนักงาน ยัน ไม่ใช่ 'สารไซยาไนด์' แต่เป็น 'กรดไฮโดรคลอริก' มีกลิ่นฉุน ล่าสุด สามารถเข้าทำงานปกติได้แล้ว ไร้คนเจ็บหรือเป็นอันตราย เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 พ.ค.61 นายประทีป พันธ์ยก หมวดความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน มปอ.-หม. กฟผ.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง นำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดที่เกิดสารเคมีรั่วไหล ที่บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าทดแทน 4-7 ซึ่งมีบริษัทเอกชนรับเหมาก่อสร้างจนต้องมีการอพยพพนักงานที่ทำงานอยู่ที่บริเวณดังกล่าวจำนวนหลายร้อยคน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพร้อมเปิดเผยว่า จากกรณีที่มีสื่อบางสำนักได้นำเสนอข่าวออกไปว่าที่จุดดังกล่าวมีสารไซยาไนด์รั่วไหลนั้นขอชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงเพราะที่ กฟผ.ไม่ได้นำสารเคมีดังกล่าวมาใช้ แต่ยอมรับว่าบริเวณจุดข้อต่อใกล้กับใต้ถังที่เก็บกรดไฮโดรคลอริก ซึ่งใช้ในการปรับสภาพน้ำ เกิดมีการรั่วหรือซึมเพียงเล็กน้อย ลักษณะเหมือนน้ำหยด ซึ่งกรดดังกล่าวเมื่อถูกน้ำจะเกิดเกิดเป็นไอ เมื่อมีลมพัดมาจึงทำให้กระจายไปกับลมและมีกลิ่นฉุน ซึ่งตามมาตรการด้านความปลอดภัยจึงให้พนักงานที่ปฏิบัติงานออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย เพื่อรอการแก้ไข ขณะนี้พนักงานสามารถเข้าทำได้ตามปกติ โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอันตราย และกรดดังกล่าวก็ไม่ได้มีการรั่วไหลไปบริเวณภายนอกยังอยู่ในที่ขอบกั้นและไหลลงอยู่ที่กักเก็บถังด้านล่างไม่กระทบต่อชุมชน ส่วนรอยต่อที่มีการรั่วไหลขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขอยู่ และข่าวที่ออกมาเกินความเป็นจริงมาก.
กฟผ.แม่เมาะ แจง เหตุสารเคมีรั่วไหล จนต้องอพยพพนักงาน ยัน ไม่ใช่ 'สารไซยาไนด์' แต่เป็น 'กรดไฮโดรคลอริก' มีกลิ่นฉุน ล่าสุด สามารถเข้าทำงานปกติได้แล้ว ไร้คนเจ็บหรือเป็นอันตราย เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 พ.ค.61 นายประทีป พันธ์ยก หมวดความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน มปอ.-หม. กฟผ.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง นำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดที่เกิดสารเคมีรั่วไหล ที่บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าทดแทน 4-7 ซึ่งมีบริษัทเอกชนรับเหมาก่อสร้างจนต้องมีการอพยพพนักงานที่ทำงานอยู่ที่บริเวณดังกล่าวจำนวนหลายร้อยคน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพร้อมเปิดเผยว่า จากกรณีที่มีสื่อบางสำนักได้นำเสนอข่าวออกไปว่าที่จุดดังกล่าวมีสารไซยาไนด์รั่วไหลนั้นขอชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงเพราะที่ กฟผ.ไม่ได้นำสารเคมีดังกล่าวมาใช้ แต่ยอมรับว่าบริเวณจุดข้อต่อใกล้กับใต้ถังที่เก็บกรดไฮโดรคลอริก ซึ่งใช้ในการปรับสภาพน้ำ เกิดมีการรั่วหรือซึมเพียงเล็กน้อย ลักษณะเหมือนน้ำหยด ซึ่งกรดดังกล่าวเมื่อถูกน้ำจะเกิดเกิดเป็นไอ เมื่อมีลมพัดมาจึงทำให้กระจายไปกับลมและมีกลิ่นฉุน ซึ่งตามมาตรการด้านความปลอดภัยจึงให้พนักงานที่ปฏิบัติงานออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย เพื่อรอการแก้ไข ขณะนี้พนักงานสามารถเข้าทำได้ตามปกติ โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอันตราย และกรดดังกล่าวก็ไม่ได้มีการรั่วไหลไปบริเวณภายนอกยังอยู่ในที่ขอบกั้นและไหลลงอยู่ที่กักเก็บถังด้านล่างไม่กระทบต่อชุมชน ส่วนรอยต่อที่มีการรั่วไหลขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขอยู่ และข่าวที่ออกมาเกินความเป็นจริงมาก.
สิบล้อบรรทุกสารอันตรายคว่ำ! รถพลิกตกถนน คนขับตายคาที่
รถบรรทุกสารเคมี ‘วัตถุอันตราย’ พลิกคว่ำบนถนนเพชรเกษมที่พัทลุง ไถลลงไปชนกับต้นไม้ข้างทาง คนขับตายคาที่ ยังดีที่สารอันตรายที่บรรทุกมาไม่รั่วไหล คาดหลับในหลังขับรถมาทั้งคืน... เมื่อวันที่ 22 พ.ย.58 พ.ต.ต.กมล ศิลปปัญญา พนักงานสอบสวน สภ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 10 ล้อ บรรทุกวัตถุอันตราย พลิกคว่ำและมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดที่ถนนเอเชีย ขาล่อง ท้องที่ หมู่ 1 ต.ชะมวง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง หน่วยกู้ภัยมูลนิธิพัทลุงการกุศล และหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลควนขนุน ในที่เกิดเหตุพบรถบรรทุก 10 ล้อ บรรทุกสารเคมีไม่ทราบชนิด หมายเลขทะเบียน 70–0440 พะเยา พลิกตะแคงอยู่ริมถนน ส่วนหัวชนติดอยู่กับต้นไม้ใหญ่ คนขับถูกอัดก๊อบปี้เสียชีวิตติดหน้ารถ ทราบว่าชื่อนายคำหมาน มูลจิตร อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที 5 หมู่ 1 ต.ตะคอบ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ หน่วยกู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่าง เพื่อจะนำศพออกมา จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายคำหมาน ได้ขับรถบรรทุกวัตถุอันตรายออกจากท่าเรือคลองเคย เพื่อนำไปส่งที่ จ.สงขลา มาถึงที่เกิดเหตุในช่วงเช้า และอาจจะหลับในเพราะขับรถมาทั้งคืน ทำให้รถเสียหลักลงข้างทางไปชนกับต้นไม้ข้างทาง จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว ยังดีที่วัตถุที่บรรทุกมาไม่รั่วไหล เพราะอาจเกิดอันตรายกับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ผ่านไปมาได้.
รถบรรทุกสารเคมี ‘วัตถุอันตราย’ พลิกคว่ำบนถนนเพชรเกษมที่พัทลุง ไถลลงไปชนกับต้นไม้ข้างทาง คนขับตายคาที่ ยังดีที่สารอันตรายที่บรรทุกมาไม่รั่วไหล คาดหลับในหลังขับรถมาทั้งคืน... เมื่อวันที่ 22 พ.ย.58 พ.ต.ต.กมล ศิลปปัญญา พนักงานสอบสวน สภ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 10 ล้อ บรรทุกวัตถุอันตราย พลิกคว่ำและมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดที่ถนนเอเชีย ขาล่อง ท้องที่ หมู่ 1 ต.ชะมวง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง หน่วยกู้ภัยมูลนิธิพัทลุงการกุศล และหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลควนขนุน ในที่เกิดเหตุพบรถบรรทุก 10 ล้อ บรรทุกสารเคมีไม่ทราบชนิด หมายเลขทะเบียน 70–0440 พะเยา พลิกตะแคงอยู่ริมถนน ส่วนหัวชนติดอยู่กับต้นไม้ใหญ่ คนขับถูกอัดก๊อบปี้เสียชีวิตติดหน้ารถ ทราบว่าชื่อนายคำหมาน มูลจิตร อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที 5 หมู่ 1 ต.ตะคอบ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ หน่วยกู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่าง เพื่อจะนำศพออกมา จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายคำหมาน ได้ขับรถบรรทุกวัตถุอันตรายออกจากท่าเรือคลองเคย เพื่อนำไปส่งที่ จ.สงขลา มาถึงที่เกิดเหตุในช่วงเช้า และอาจจะหลับในเพราะขับรถมาทั้งคืน ทำให้รถเสียหลักลงข้างทางไปชนกับต้นไม้ข้างทาง จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว ยังดีที่วัตถุที่บรรทุกมาไม่รั่วไหล เพราะอาจเกิดอันตรายกับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ผ่านไปมาได้.
วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561
สารเคมีรั่วไหล รง.ที่ระยอง อพยพคนไม่เกี่ยวข้องพ้นพื้นที่
เกิดเหตุสารไฮโดรคาร์บอน โรงงานที่ระยอง รั่วไหลขณะเดินเครื่อง เจ้าหน้าที่อพยพคนไม่เกี่ยวข้องพ้นพื้นที่ ขณะทีมชำนาญการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินของบริษัทฯ คุมสถานการณ์ได้แล้ว... เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 12 กรกฎาคม เกิดเหตุสารเคมี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สาขา 5 นิคมอุตสาหกรรม RIL ต.มาบข่า อ.เมือง จ.ระยอง รั่วไหล เบื้องต้นไม่มีประกายไฟ มีเพียงกลุ่มควันสีขาวฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ขณะที่ ทีมชำนาญการของ พีทีที โกลบอล เคมิคอล ออกหนังสือชี้แจงว่า เมื่อเวลา เวลา 12.39 น. เกิดเหตุสารไฮโดรคาร์บอนรั่วไหลระหว่างเริ่มเดินเครื่อง โรงอะโรเมติกส์ 2 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สาขา 5 จังหวัดระยอง ขณะนี้ทีมชำนาญการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินของบริษัทฯ เร่งดำเนินการควบคุมสถานการณ์ และในเบื้องต้นได้สั่งอพยพผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ ทั้งนี้ สาเหตุและความคืบหน้าของเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบต่อไปทั้งนี้ ทางบริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมและเจ้าหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพอากาศบริเวณชุมชนโดยรอบ พบว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม พบว่า มีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว 1 ราย มีอาการวิงเวียนศีรษะ ได้นำตัวส่งโรงพยาบาล และแพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว ด้าน พ.ต.อ.อรรฆพงษ์ สุนทรวิภาต ผกก.สภ.มาบตาพุด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ กล่าวว่า เบื้องต้นพบผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลหนึ่งคน ตอนนี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
เกิดเหตุสารไฮโดรคาร์บอน โรงงานที่ระยอง รั่วไหลขณะเดินเครื่อง เจ้าหน้าที่อพยพคนไม่เกี่ยวข้องพ้นพื้นที่ ขณะทีมชำนาญการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินของบริษัทฯ คุมสถานการณ์ได้แล้ว... เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 12 กรกฎาคม เกิดเหตุสารเคมี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สาขา 5 นิคมอุตสาหกรรม RIL ต.มาบข่า อ.เมือง จ.ระยอง รั่วไหล เบื้องต้นไม่มีประกายไฟ มีเพียงกลุ่มควันสีขาวฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ขณะที่ ทีมชำนาญการของ พีทีที โกลบอล เคมิคอล ออกหนังสือชี้แจงว่า เมื่อเวลา เวลา 12.39 น. เกิดเหตุสารไฮโดรคาร์บอนรั่วไหลระหว่างเริ่มเดินเครื่อง โรงอะโรเมติกส์ 2 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สาขา 5 จังหวัดระยอง ขณะนี้ทีมชำนาญการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินของบริษัทฯ เร่งดำเนินการควบคุมสถานการณ์ และในเบื้องต้นได้สั่งอพยพผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ ทั้งนี้ สาเหตุและความคืบหน้าของเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบต่อไปทั้งนี้ ทางบริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมและเจ้าหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพอากาศบริเวณชุมชนโดยรอบ พบว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม พบว่า มีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว 1 ราย มีอาการวิงเวียนศีรษะ ได้นำตัวส่งโรงพยาบาล และแพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว ด้าน พ.ต.อ.อรรฆพงษ์ สุนทรวิภาต ผกก.สภ.มาบตาพุด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ กล่าวว่า เบื้องต้นพบผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลหนึ่งคน ตอนนี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2561
บริษัทพีทีที โกบอล เคมิคอลฯ"เผยข้อมูลสารขจัดคราบน้ำมัน
รศ.พลังพล คงเสรี อาจารย์ประจำภาควิชาเคมีเเละชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยรายงานผลกระทบจากสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่ใช้สลายคราบน้ำมันจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก เมื่อปี 2553 ที่ผลการวิจัยออกมาว่าสารเคมีที่ใช้ มีฤทธิ์เป็นสารก่อมะเร็ง เเละส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล เหตุการณ์ครั้งนั้นถือเป็นบทเรียนสำคัญที่นานาประเทศ เรียกร้องให้ผู้ดำเนินการบำบัดฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล ต้องเปิดเผยรายละเอียดสารเคมีที่จะใช้เเก่สาธารณะชน เเละศึกษาผลกระทบให้รอบด้าน ก่อนพ่นลงทะเล
เเม้เหตุน้ำมันรั่วในอ่าวไทยครั้งนี้ จะไม่รุนเเรงเท่ากับอ่าวเม็กซิโกเมื่อ 3 ปีที่เเล้ว เเต่ก็อาจส่งผลต่อระบบนิเวศในระยะยาว หากผู้ที่ก่อมลพิษเเละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่เปิดเผยรายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีที่จะนำมาใช้
การศึกษาวิจัยจากเหตุน้ำมั้นรั่วที่อ่าวเม็กซิโกยังค้นพบว่า มีจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ใต้ทะเลบางชนิด มีคุณสมบัติสามารถกำจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลได้ นักวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงเห็นว่าเหตุน้ำมันรั่วในอ่าวไทย น่าจะใช้จุลินทรีย์ที่มีอยู่ในทะเลอ่าวไทย มาใช้เป็นตัวช่วยในการย่อยสลายคราบน้ำมันได้
สารเคมีในโรงงาน Samsung รั่วไหล คนงานวัย 52 ปี ดับ!
สำนักข่าวเกาหลีใต้ yonhanews รายงานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจาก ระบบดับเพลิงของโรงงานทำงานผิดพลาด เมื่ออยู่ๆก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ทั้งๆที่ไม่ได้เกิดเหตุไฟไหม้แต่อย่างใด ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในพื้นที่ เมื่อเหตุการณ์สงบลง พบผู้เสียชีวิตเป็นคนงานชายวัย 52ปี
เว็บไซต์ Engaget ได้โพสถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ2-3ปีก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์สลดครั้งนี้ว่า เมื่อเดือน มกราคม ปี2013 นั้น เคยเกิดเหตุการณ์สารเคมี Hydroflouric acid รั่วไหลออกมามากกว่า 10 ลิตร ในโรงงานผลิตชิปของ Samsung ทำให้คนงานเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 4 ราย จากเหตุการณ์นี้บริษัท Samsung ถูกปรับเป็นเงินกว่า 1000ดอลลาร์ เพื่อเป็นการตักเตือนไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก แต่หลังจากนั้น 4 เดือน ก็เกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำขึ้นอีกในลักษณะเดียวกัน ทำให้คนงานบาดเจ็บ 3 ราย
รายงานจีนคลังสารเคมีระเบิดรุนแรงที่เทียนจิน ยอดเสียชีวิต 44 ราย
คืนวานนี้ (12 ส.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 23.10 น. ตามเวลาจีน เกิดเหตุระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่ย่านผิงไห่ เทศบาลนครเทียนจิน ทางตอนเหนือของประเทศจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ทวิตเตอร์ @XHNews เผยภาพขณะเกิดเหตุซึ่งเห็นได้ว่าการระเบิดครั้งนี้รุนแรงมาก เปลวเพลิงและกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงหลายเมตร
ทวิตเตอร์ @MSimonTV ของ นายแมตต์ ไซมอน โปรดิวเซอร์รายการข่าว CCTV อเมริกา รายงานว่า เหตุระเบิดนี้เกิดขึ้นในท่าเรือตงเจียง เก็บสินค้าจำพวกสารเคมี สารไวไฟ และสารระเบิดร้ายแรงของบริษัท รุ่ยไห่ อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ แรงระเบิดระดับรุนแรงสองครั้ง วัดขนาดได้ถึง 2.3 แมกนิจูด หรือ เท่ากับระเบิดทีเอ็นที 3 ตัน และ 2.9 แมกนิจูด หรือเทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที 21 ตัน ส่วนตึกและอาคารในรัศมีราว 10 กิโลเมตรจากจุดระเบิดนั้นเสียหายเกือบทั้งหมด
ล่าสุด 13.00 น. ทวิตเตอร์ @XHNews รายงานว่า พบผู้เสียชีวิตแล้ว 44 ราย โดยในจำนวนนี้มี 12 คนเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง
อันตรายสารเคมีเข้าตาเสี่ยงตาบอด
บ่อยครั้งเรามักได้ยินข่าวหวาดระแวงหึงหวงกัน จนลงเอยด้วยการสาดน้ำกรดบนใบหน้า และที่พบบ่อยร้ายที่สุด คือดวงตาซึ่งเจ้าตัวมักไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ว่าไปแล้วเรื่องเหล่านี้ถือเป็นอาชญากรรมทีเดียว เพื่อบรรเทาเหตุร้ายเช่นนี้ เรามีความรู้เกี่ยวกับเจ้าสารพิษมาเล่า ไม่แน่สักวันคุณอาจได้ช่วยใครบางคนที่ถูกทำร้ายก็ได้
อุบัติเหตุจากสารเคมีเข้าตา อาจเกิดจาก
1.อุบัติเหตุ จากการทำงาน เช่น โดนสารเคมีที่ใช้ในโรงงาน เช่น โซดาไฟ โดนน้ำจากแบตเตอรี่รถยนต์ โดนน้ำยาล้างหรือน้ำยาขัดห้องน้ำ ยาฆ่าแมลง ยาฉีดกันยุง ได้รับสารเคมีผงคาร์บอนไดออกไซด์เข้าตาขณะไปช่วยดับเพลิงแล้วถังเกิดระเบิด
1.อุบัติเหตุ จากการทำงาน เช่น โดนสารเคมีที่ใช้ในโรงงาน เช่น โซดาไฟ โดนน้ำจากแบตเตอรี่รถยนต์ โดนน้ำยาล้างหรือน้ำยาขัดห้องน้ำ ยาฆ่าแมลง ยาฉีดกันยุง ได้รับสารเคมีผงคาร์บอนไดออกไซด์เข้าตาขณะไปช่วยดับเพลิงแล้วถังเกิดระเบิด
2. การโดนทำร้ายร่างกาย เช่น ใช้น้ำกรดสาดหน้า แล้วโดนตาทั้ง 2 ข้าง หรือโดนก๊าซน้ำตา
ซึ่งสารเคมีโดยทั่วไปมี 2 ชนิด คือ กรด และด่าง
ซึ่งสารเคมีโดยทั่วไปมี 2 ชนิด คือ กรด และด่าง
โดยทั่วไป ด่าง มีความรุนแรงมากกว่ากรด สามารถทำลายเปลือกตา เยื่อบุตา ผิวนอกของกระจกตา และยังสามารถแทรกซึมผ่านเข้าไปทำลายดวงตา และส่วนต่างๆ ภายในดวงตาได้ เช่น ทำให้เกิดม่านตาอักเสบต้อกระจก และต้อหิน
ส่วนกรด การทำลายมักจะจำกัดอยู่เฉพาะบริเวณผิวชั้นนอกของลูกตา เปลือกตา เยื่อบุตา ผิวกระจกตา เนื่องจากคุณสมบัติของกรด เมื่อทำปฏิกิริยากับโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบของเนื้อเยื่อแล้ว ทำให้โปรตีนแข็งตัวรวมกัน เป็นเหมือนผนังกั้นไม่ให้กรดนั้นซึมผ่านเข้าไปในลูกตาได้อีก เพราะฉะนั้น การทำลายที่เกิดขึ้นจากกรดมักจำกัดอยู่เฉพาะบริเวณชั้นผิวตื้นๆ เท่านั้น
สารเคมีที่ห้ามใช้ในอาหาร
- จะเกิดอาการปวดท้อง เวียนศรีษะ อาเจียน อุจจาระร่วง ความดันโลหิตต่ำ
- ผู้ที่แพ้อย่างรุนแรง หรือผู้ป่วยโรคหอบหืด จะเกิดอาการช็อค หมดสติ และเสียชีวิต
ชนิดอาหารที่พบ - น้ำแช่ผักผลไม้ เช่น ถั่วงอก ขิงฝอย ยอดมะพร้าว หยวกกล้วย กล้วยดิบ ฯลฯ
- ผัก ผลไม้แปรรูป เช่น ทุเรียนกวน หน่อไม้ดอง ขิงดอง สับปะรดกวน กะปิ ฯลฯ
กฎหมายกำหนด ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 62/24 ,84/27 สามารถเจือปนได้ในอาหารบางชนิด แต่สารฟอกขาวเป็นสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
2.สารบอแรกซ์ อันตรายต่อร่างกาย - อาการเฉียบพลัน อาเจียน ท้องเสีย ผิวหนังร้อนแดง ชัก มีไข้สูง ตัวเหลือง ความดันลด หมดสติ ตายในที่สุด
- อาการเรื้อรัง ได้แก่ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อาเจียน ผมร่วง ชัก และโลหิตจาง
- ทำให้ทางเดินอาหารเกิดการระคายเคือง
- เป็นพิษต่อไต และสะสมในสมอง
ชนิดอาหารที่พบ
- เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์ ( หมูบด ปลาบด ทอดมัน ลูกชิ้น หมูสด เนื้อสด ไส้กรอก ฯลฯ)
- ผลไม้ดอง
- ทับทิมกรอบ ลอดช่อง
กฎหมายกำหนด - ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 151 ( พ.ศ.2536 ) กำหนดให้สารบอแรกซ์เป็นสารที่ห้ามใช้ในอาหาร ผู้ฝ่าฝืนมีโทษให้ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
- พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 กำหนด บอแรกซ์เป็นสินค้าควบคุมฉลาก ต้องมีข้อความ
ผลสำรวจสารเคมีปนเปื้อนผัก-ผลไม้พบ "พริกแดง-ส้มสายน้ำผึ้ง-ฝรั่ง" สารพิษตกค้างมากสุด
เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช เปิดเผยผลสำรวจสารเคมีปนเปื้อนจากการสุ่มเก็บตัวอย่างผักและผลไม้ที่ประชาชนนิยมบริโภค พบว่า พริกแดง มีสารพิษตกค้างมากที่สุดร้อยละ 100 ส่วนผลไม้ พบว่า ส้มสายน้ำผึ้งและฝรั่ง มีสารพิษตกค้างมากที่สุดเท่ากันคือ ร้อยละ 100 ส่วนกะหล่ำปลีและแตงโมตรวจไม่พบว่ามีสารเคมีตกค้าง
ขณะที่ภาพรวมผักและผลไม้มีสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐานร้อยละ 46.4 ส่วนใหญ่พบในผักผลไม้ที่ได้รับตรา Q (คิว) จากสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) สูงถึงร้อยละ 57.1 รวมทั้งผักผลไม้อินทรีย์ที่ได้รับรอง ออร์แกนิก ไทยแลนด์ พบสารเคมีตกค้างสูงเกินมาตรฐานร้อยละ 25
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ห่วง บ.ยักษ์ใหญ่ค้านโละ "พาราควอต" ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาส...