วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2561

ห่วง บ.ยักษ์ใหญ่ค้านโละ "พาราควอต"

               ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเกิดปัญหาการกำหนดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและแมลงพาราควอต ครอไพรีฟอส และไกลโฟเสท เพราะยังไม่สามารถห้ามการใช้และห้ามการนำเข้าได้และจากข้อมูลของเครือข่ายต้านสารพิษ และ biothai พบว่าขณะนี้มีการกระทำบางอย่างของทางกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่รวมตัวทำหนังสือส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คัดค้านร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรยั่งยืน ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่มีจุดมุ่งหมายในการเพิ่มพื้นที่เกษตรกรรมยั่งยืนรูปแบบต่างๆ โดยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายต่างๆ เช่น เกษตรผสมผสาน เกษตรอินทรีย์ เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรธรรมชาติ เป็นต้นให้ได้ 5 ล้านไร่ ภายในปี 2564 ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 และเพื่อให้สอดคล้องกันเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ขององค์การสหประชาชาติที่ประเทศไทยประกาศว่าจะเข้าร่วมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวแน่นอนว่า ซึ่งการคัดค้านดังกล่าว จะรวมไปถึงการไม่เห็นด้วยที่จะแบนการนำเข้าสารเคมีพาราควอตเช่นกัน
“การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชนานทำให้ดินหมดความสามารถในการดูดซับและในที่สุดก็ต้องปล่อยให้สารเคมีละลายในน้ำ เข้าไปในพืชล้างไม่ออกและยังเข้าไปในอาหารเมื่อคนกินไปนานก็เกิดโรคต่างๆ เช่นโรคมะเร็ง และบริษัทที่ขายสารเคมีก็ยังผลิตยาฆ่ามะเร็ง ได้กำไรครบวงจร” ศ.นพ.ธีระวัฒน์กล่าว.






กฟผ.แม่เมาะ แจง ไม่ใช่ 'ไซยาไนด์' ยันสารเคมีรั่วไหล ปลอดภัยแล้ว

          กฟผ.แม่เมาะ แจง เหตุสารเคมีรั่วไหล จนต้องอพยพพนักงาน ยัน ไม่ใช่ 'สารไซยาไนด์' แต่เป็น 'กรดไฮโดรคลอริก' มีกลิ่นฉุน ล่าสุด สามารถเข้าทำงานปกติได้แล้ว ไร้คนเจ็บหรือเป็นอันตราย เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 พ.ค.61 นายประทีป พันธ์ยก หมวดความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน มปอ.-หม. กฟผ.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง นำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดที่เกิดสารเคมีรั่วไหล ที่บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าทดแทน 4-7 ซึ่งมีบริษัทเอกชนรับเหมาก่อสร้างจนต้องมีการอพยพพนักงานที่ทำงานอยู่ที่บริเวณดังกล่าวจำนวนหลายร้อยคน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพร้อมเปิดเผยว่า จากกรณีที่มีสื่อบางสำนักได้นำเสนอข่าวออกไปว่าที่จุดดังกล่าวมีสารไซยาไนด์รั่วไหลนั้นขอชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงเพราะที่ กฟผ.ไม่ได้นำสารเคมีดังกล่าวมาใช้ แต่ยอมรับว่าบริเวณจุดข้อต่อใกล้กับใต้ถังที่เก็บกรดไฮโดรคลอริก ซึ่งใช้ในการปรับสภาพน้ำ เกิดมีการรั่วหรือซึมเพียงเล็กน้อย ลักษณะเหมือนน้ำหยด ซึ่งกรดดังกล่าวเมื่อถูกน้ำจะเกิดเกิดเป็นไอ เมื่อมีลมพัดมาจึงทำให้กระจายไปกับลมและมีกลิ่นฉุน ซึ่งตามมาตรการด้านความปลอดภัยจึงให้พนักงานที่ปฏิบัติงานออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย เพื่อรอการแก้ไข ขณะนี้พนักงานสามารถเข้าทำได้ตามปกติ โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอันตราย และกรดดังกล่าวก็ไม่ได้มีการรั่วไหลไปบริเวณภายนอกยังอยู่ในที่ขอบกั้นและไหลลงอยู่ที่กักเก็บถังด้านล่างไม่กระทบต่อชุมชน ส่วนรอยต่อที่มีการรั่วไหลขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขอยู่ และข่าวที่ออกมาเกินความเป็นจริงมาก.













สิบล้อบรรทุกสารอันตรายคว่ำ! รถพลิกตกถนน คนขับตายคาที่
         รถบรรทุกสารเคมี ‘วัตถุอันตราย’ พลิกคว่ำบนถนนเพชรเกษมที่พัทลุง ไถลลงไปชนกับต้นไม้ข้างทาง คนขับตายคาที่ ยังดีที่สารอันตรายที่บรรทุกมาไม่รั่วไหล คาดหลับในหลังขับรถมาทั้งคืน...  เมื่อวันที่ 22 พ.ย.58  พ.ต.ต.กมล ศิลปปัญญา พนักงานสอบสวน สภ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 10 ล้อ บรรทุกวัตถุอันตราย พลิกคว่ำและมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดที่ถนนเอเชีย ขาล่อง ท้องที่ หมู่ 1 ต.ชะมวง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง หน่วยกู้ภัยมูลนิธิพัทลุงการกุศล และหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลควนขนุน ในที่เกิดเหตุพบรถบรรทุก 10 ล้อ บรรทุกสารเคมีไม่ทราบชนิด หมายเลขทะเบียน 70–0440 พะเยา พลิกตะแคงอยู่ริมถนน ส่วนหัวชนติดอยู่กับต้นไม้ใหญ่ คนขับถูกอัดก๊อบปี้เสียชีวิตติดหน้ารถ ทราบว่าชื่อนายคำหมาน มูลจิตร อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที 5 หมู่ 1 ต.ตะคอบ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ หน่วยกู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่าง เพื่อจะนำศพออกมา จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายคำหมาน ได้ขับรถบรรทุกวัตถุอันตรายออกจากท่าเรือคลองเคย เพื่อนำไปส่งที่ จ.สงขลา มาถึงที่เกิดเหตุในช่วงเช้า และอาจจะหลับในเพราะขับรถมาทั้งคืน  ทำให้รถเสียหลักลงข้างทางไปชนกับต้นไม้ข้างทาง จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว ยังดีที่วัตถุที่บรรทุกมาไม่รั่วไหล เพราะอาจเกิดอันตรายกับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ผ่านไปมาได้.














วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561

สารเคมีรั่วไหล รง.ที่ระยอง อพยพคนไม่เกี่ยวข้องพ้นพื้นที่ 
      เกิดเหตุสารไฮโดรคาร์บอน โรงงานที่ระยอง รั่วไหลขณะเดินเครื่อง เจ้าหน้าที่อพยพคนไม่เกี่ยวข้องพ้นพื้นที่ ขณะทีมชำนาญการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินของบริษัทฯ คุมสถานการณ์ได้แล้ว... เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 12 กรกฎาคม เกิดเหตุสารเคมี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สาขา 5 นิคมอุตสาหกรรม RIL ต.มาบข่า อ.เมือง จ.ระยอง รั่วไหล เบื้องต้นไม่มีประกายไฟ มีเพียงกลุ่มควันสีขาวฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ขณะที่ ทีมชำนาญการของ พีทีที โกลบอล เคมิคอล ออกหนังสือชี้แจงว่า เมื่อเวลา เวลา 12.39 น. เกิดเหตุสารไฮโดรคาร์บอนรั่วไหลระหว่างเริ่มเดินเครื่อง โรงอะโรเมติกส์ 2 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สาขา 5 จังหวัดระยอง ขณะนี้ทีมชำนาญการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินของบริษัทฯ เร่งดำเนินการควบคุมสถานการณ์ และในเบื้องต้นได้สั่งอพยพผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ ทั้งนี้ สาเหตุและความคืบหน้าของเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบต่อไปทั้งนี้ ทางบริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมและเจ้าหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพอากาศบริเวณชุมชนโดยรอบ พบว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม พบว่า มีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว 1 ราย มีอาการวิงเวียนศีรษะ ได้นำตัวส่งโรงพยาบาล และแพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว ด้าน พ.ต.อ.อรรฆพงษ์ สุนทรวิภาต ผกก.สภ.มาบตาพุด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ กล่าวว่า เบื้องต้นพบผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลหนึ่งคน ตอนนี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว












วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2561

บริษัทพีทีที โกบอล เคมิคอลฯ"เผยข้อมูลสารขจัดคราบน้ำมัน


 รศ.พลังพล คงเสรี อาจารย์ประจำภาควิชาเคมีเเละชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยรายงานผลกระทบจากสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่ใช้สลายคราบน้ำมันจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก เมื่อปี 2553 ที่ผลการวิจัยออกมาว่าสารเคมีที่ใช้ มีฤทธิ์เป็นสารก่อมะเร็ง เเละส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล เหตุการณ์ครั้งนั้นถือเป็นบทเรียนสำคัญที่นานาประเทศ เรียกร้องให้ผู้ดำเนินการบำบัดฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล ต้องเปิดเผยรายละเอียดสารเคมีที่จะใช้เเก่สาธารณะชน เเละศึกษาผลกระทบให้รอบด้าน ก่อนพ่นลงทะเล
เเม้เหตุน้ำมันรั่วในอ่าวไทยครั้งนี้ จะไม่รุนเเรงเท่ากับอ่าวเม็กซิโกเมื่อ 3 ปีที่เเล้ว เเต่ก็อาจส่งผลต่อระบบนิเวศในระยะยาว หากผู้ที่ก่อมลพิษเเละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่เปิดเผยรายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีที่จะนำมาใช้
การศึกษาวิจัยจากเหตุน้ำมั้นรั่วที่อ่าวเม็กซิโกยังค้นพบว่า มีจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ใต้ทะเลบางชนิด มีคุณสมบัติสามารถกำจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลได้ นักวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงเห็นว่าเหตุน้ำมันรั่วในอ่าวไทย น่าจะใช้จุลินทรีย์ที่มีอยู่ในทะเลอ่าวไทย มาใช้เป็นตัวช่วยในการย่อยสลายคราบน้ำมันได้



สารเคมีในโรงงาน Samsung รั่วไหล คนงานวัย 52 ปี ดับ!


      สำนักข่าวเกาหลีใต้ yonhanews รายงานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจาก ระบบดับเพลิงของโรงงานทำงานผิดพลาด เมื่ออยู่ๆก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ทั้งๆที่ไม่ได้เกิดเหตุไฟไหม้แต่อย่างใด ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในพื้นที่ เมื่อเหตุการณ์สงบลง พบผู้เสียชีวิตเป็นคนงานชายวัย 52ปี 
     เว็บไซต์ Engaget ได้โพสถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ2-3ปีก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์สลดครั้งนี้ว่า เมื่อเดือน มกราคม ปี2013 นั้น เคยเกิดเหตุการณ์สารเคมี Hydroflouric acid รั่วไหลออกมามากกว่า 10 ลิตร ในโรงงานผลิตชิปของ Samsung   ทำให้คนงานเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 4 ราย จากเหตุการณ์นี้บริษัท Samsung ถูกปรับเป็นเงินกว่า 1000ดอลลาร์ เพื่อเป็นการตักเตือนไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก  แต่หลังจากนั้น 4 เดือน ก็เกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำขึ้นอีกในลักษณะเดียวกัน ทำให้คนงานบาดเจ็บ 3 ราย 




รายงานจีนคลังสารเคมีระเบิดรุนแรงที่เทียนจิน ยอดเสียชีวิต 44 ราย


คืนวานนี้ (12 ส.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 23.10 น. ตามเวลาจีน เกิดเหตุระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่ย่านผิงไห่ เทศบาลนครเทียนจิน ทางตอนเหนือของประเทศจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
       ทวิตเตอร์ @XHNews เผยภาพขณะเกิดเหตุซึ่งเห็นได้ว่าการระเบิดครั้งนี้รุนแรงมาก เปลวเพลิงและกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงหลายเมตร
       ทวิตเตอร์ @MSimonTV ของ นายแมตต์ ไซมอน โปรดิวเซอร์รายการข่าว CCTV อเมริกา รายงานว่า เหตุระเบิดนี้เกิดขึ้นในท่าเรือตงเจียง เก็บสินค้าจำพวกสารเคมี สารไวไฟ และสารระเบิดร้ายแรงของบริษัท รุ่ยไห่ อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ แรงระเบิดระดับรุนแรงสองครั้ง วัดขนาดได้ถึง 2.3 แมกนิจูด หรือ เท่ากับระเบิดทีเอ็นที 3 ตัน และ 2.9 แมกนิจูด หรือเทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที 21 ตัน ส่วนตึกและอาคารในรัศมีราว 10 กิโลเมตรจากจุดระเบิดนั้นเสียหายเกือบทั้งหมด
ล่าสุด 13.00 น. ทวิตเตอร์ @XHNews รายงานว่า พบผู้เสียชีวิตแล้ว 44 ราย โดยในจำนวนนี้มี 12 คนเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง

อันตรายสารเคมีเข้าตาเสี่ยงตาบอด


            บ่อยครั้งเรามักได้ยินข่าวหวาดระแวงหึงหวงกัน จนลงเอยด้วยการสาดน้ำกรดบนใบหน้า และที่พบบ่อยร้ายที่สุด คือดวงตาซึ่งเจ้าตัวมักไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ว่าไปแล้วเรื่องเหล่านี้ถือเป็นอาชญากรรมทีเดียว เพื่อบรรเทาเหตุร้ายเช่นนี้ เรามีความรู้เกี่ยวกับเจ้าสารพิษมาเล่า ไม่แน่สักวันคุณอาจได้ช่วยใครบางคนที่ถูกทำร้ายก็ได้
อุบัติเหตุจากสารเคมีเข้าตา อาจเกิดจาก
1.อุบัติเหตุ จากการทำงาน เช่น โดนสารเคมีที่ใช้ในโรงงาน เช่น โซดาไฟ โดนน้ำจากแบตเตอรี่รถยนต์ โดนน้ำยาล้างหรือน้ำยาขัดห้องน้ำ ยาฆ่าแมลง ยาฉีดกันยุง ได้รับสารเคมีผงคาร์บอนไดออกไซด์เข้าตาขณะไปช่วยดับเพลิงแล้วถังเกิดระเบิด
2. การโดนทำร้ายร่างกาย เช่น ใช้น้ำกรดสาดหน้า แล้วโดนตาทั้ง 2 ข้าง หรือโดนก๊าซน้ำตา
ซึ่งสารเคมีโดยทั่วไปมี 2 ชนิด คือ กรด และด่าง
โดยทั่วไป ด่าง มีความรุนแรงมากกว่ากรด สามารถทำลายเปลือกตา เยื่อบุตา ผิวนอกของกระจกตา และยังสามารถแทรกซึมผ่านเข้าไปทำลายดวงตา และส่วนต่างๆ ภายในดวงตาได้ เช่น ทำให้เกิดม่านตาอักเสบต้อกระจก และต้อหิน
ส่วนกรด การทำลายมักจะจำกัดอยู่เฉพาะบริเวณผิวชั้นนอกของลูกตา เปลือกตา เยื่อบุตา ผิวกระจกตา เนื่องจากคุณสมบัติของกรด เมื่อทำปฏิกิริยากับโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบของเนื้อเยื่อแล้ว ทำให้โปรตีนแข็งตัวรวมกัน เป็นเหมือนผนังกั้นไม่ให้กรดนั้นซึมผ่านเข้าไปในลูกตาได้อีก เพราะฉะนั้น การทำลายที่เกิดขึ้นจากกรดมักจำกัดอยู่เฉพาะบริเวณชั้นผิวตื้นๆ เท่านั้น


             สารเคมีที่ห้ามใช้ในอาหาร



1.สารฟอกขาวอันตรายต่อร่างกาย 

- จะเกิดอาการปวดท้อง เวียนศรีษะ อาเจียน อุจจาระร่วง ความดันโลหิตต่ำ 
- ผู้ที่แพ้อย่างรุนแรง หรือผู้ป่วยโรคหอบหืด จะเกิดอาการช็อค หมดสติ และเสียชีวิต
ชนิดอาหารที่พบ - น้ำแช่ผักผลไม้ เช่น ถั่วงอก ขิงฝอย ยอดมะพร้าว หยวกกล้วย กล้วยดิบ ฯลฯ 
- ผัก ผลไม้แปรรูป เช่น ทุเรียนกวน หน่อไม้ดอง ขิงดอง สับปะรดกวน กะปิ ฯลฯ 
กฎหมายกำหนด ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 62/24 ,84/27 สามารถเจือปนได้ในอาหารบางชนิด แต่สารฟอกขาวเป็นสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ 
 
2.สารบอแรกซ์ อันตรายต่อร่างกาย - อาการเฉียบพลัน อาเจียน ท้องเสีย ผิวหนังร้อนแดง ชัก มีไข้สูง ตัวเหลือง ความดันลด หมดสติ ตายในที่สุด 
- อาการเรื้อรัง ได้แก่ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อาเจียน ผมร่วง ชัก และโลหิตจาง 
- ทำให้ทางเดินอาหารเกิดการระคายเคือง 
- เป็นพิษต่อไต และสะสมในสมอง 
ชนิดอาหารที่พบ 
- เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์ ( หมูบด ปลาบด ทอดมัน ลูกชิ้น หมูสด เนื้อสด ไส้กรอก ฯลฯ) 
- ผลไม้ดอง 
- ทับทิมกรอบ ลอดช่อง 
กฎหมายกำหนด - ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 151 ( พ.ศ.2536 ) กำหนดให้สารบอแรกซ์เป็นสารที่ห้ามใช้ในอาหาร ผู้ฝ่าฝืนมีโทษให้ปรับไม่เกิน 20,000 บาท 
- พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 กำหนด บอแรกซ์เป็นสินค้าควบคุมฉลาก ต้องมีข้อความ



ผลสำรวจสารเคมีปนเปื้อนผัก-ผลไม้พบ "พริกแดง-ส้มสายน้ำผึ้ง-ฝรั่ง" สารพิษตกค้างมากสุด


                  เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช เปิดเผยผลสำรวจสารเคมีปนเปื้อนจากการสุ่มเก็บตัวอย่างผักและผลไม้ที่ประชาชนนิยมบริโภค พบว่า พริกแดง มีสารพิษตกค้างมากที่สุดร้อยละ 100 ส่วนผลไม้ พบว่า ส้มสายน้ำผึ้งและฝรั่ง มีสารพิษตกค้างมากที่สุดเท่ากันคือ ร้อยละ 100 ส่วนกะหล่ำปลีและแตงโมตรวจไม่พบว่ามีสารเคมีตกค้าง


       ขณะที่ภาพรวมผักและผลไม้มีสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐานร้อยละ 46.4 ส่วนใหญ่พบในผักผลไม้ที่ได้รับตรา Q (คิว) จากสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) สูงถึงร้อยละ 57.1 รวมทั้งผักผลไม้อินทรีย์ที่ได้รับรอง ออร์แกนิก ไทยแลนด์ พบสารเคมีตกค้างสูงเกินมาตรฐานร้อยละ 25


ห่วง บ.ยักษ์ใหญ่ค้านโละ "พาราควอต"                ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาส...